Microsoft Surface Pro รีวิว



(Engadget) -- นับว่าเป็นโจทย์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ ความสามารถในการรองรับแอพพลิเคชั่นของ laptop ในขณะที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ desktop พอร์ทเชื่อมต่อต่างๆ รวมถึงความสะดวกสบายในแบบ tablet ทั้งหมดนำมารวมกันไว้ในเครื่องเดียว และนี่คือแนวคิดหลักเบื้องหลังความเป็นมาของ Microsoft Surface tablets แต่สำหรับ Surface fro Windows RT ที่เราเคยเห็นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นใช้หน่วยประมวลผลของ ARM ทำให้มีปัญหาเรื่องแอพพลิเคชั่น

การใช้งาน WIndows นั้นราบรื่นและก็ดีด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณใช้ RT ซึ่งย่อขนาดลงมาในขณะที่ยังต้องรองรับแอพพลิเคชั่นของ WIndows ซึ่งมีขนาดใหญ่ ที่คุณจะได้ก็คือระบบปฏิบัติการระดับ desltop class แต่ว่าใช้แอพพลิเคชั่นของ desktop ไม่ได้ และนี่คือ Surface for Windows Pro ที่จะเข้ามาชดเชยข้อจำกัดของ Surface RT น่าประทับใจทั้งการออกแบบ คุณภาพชิ้นงาน ประสิทธิภาพ รองรับแอพพลิเคชั่น x86 Windows เต็มรูปแบบ (รวมถึงทุกๆแอพพลิเคชั่นที่ออกมาก่อนสิ้นปีที่แล้ว) จอภาพความละเอียด 1080p เป็นความสมบูรณ์แบบบนตัวเครื่องขนาด 10" ในราคา $899 (หรือเปล่า?) เรามาพิสูจน์กัน

ฮาร์ดแวร์

คุณจะรุ้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นการออกแบบในลักษณะสบายๆ ดูทึมๆ มีเหลี่ยมมุม ดึงดูดสายตาเช่นเดียวกับ Surface RT แต่หนากว่าเยอะเพราะต้องการพื้นที่สำหรับชิพเซ็ท 1.7GHz Intel Core i5-3317U รวมถึงระบบระบายความร้อนที่จำเป็น

พื้นฐานการออกแบบเช่นเดียวกับ Surface RT ใช้โทนสีเดี่ยว มีเหลี่ยมมุม ไม่มีโลโก้อื่นใดนอกจาก Windows ที่ด้านหลังเครื่อง จะมองเห็นได้ก็เฉพาะในบางมุมเพราะเหลือบแสง ที่ด้านหน้าติดไว้ด้วยโลโก้ Windows ขนาดเล็กตรงด้านล่างของจอภาพ แต่ที่จริงแล้วมันคือปุ่ม Start


แน่นอนว่าที่แตกต่างอย่างมากจาก Surface RT ก็คือขนาดนั่นเอง Surface Pro มีขนาด 10.81" x 6.81" x 0.53" (27.45 x 17.3 x 1.35cm) น้ำหนักต่ำกว่า 2 ปอนด์ หนักกว่า Surface RT 25% ติดขาตั้งไว้ที่ด้านหลังแต่ไม่ทำให้ความหนาเพิ่มมากนัก


เมื่อกางขาตั้งออกจนสุดจะเปิดช่องสำหรับระบายความร้อนอีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นช่องเสียงของลำโพงอีกด้วย ถ้าไม่นับเรื่องเอาท์พุทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้วมันก็เหมือนกับ Surface RT ดีๆนี่เอง เสียงจากลำโพงพอใช้ได้ มีจุดอ่อนตรงย่านความถี่ต่ำซึ่งก็เป็นที่คาดการณ์ได้ ระดับความดังพอใช้แต่คงต้องต่อลำโพงถ้าอยากจะได้ยินชัดๆจากทุกตำแหน่งในห้อง

การเลือกใช้พอร์ทส่วนใหญ่เหมือนกันกับ Surface RT แต่จัดวางตำแหน่งไว้ต่างกัน พอร์ท USB 3.0 ขนาด full sized ติดตั้งที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ข้างๆกันเป็นปุ่มวอลลุ่มและช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm ทางด้านขวาติดตั้งช่อง microSDXC slot ง่ายต่อการใช้งาน แต่เราคิดว่าคนที่ใช้งานเมื่อต้องการเพิ่มความจุคงจะเสียบการ์ดเข้าไปครั้งเดียวและคงไม่อยากไปยุ่งกับมันอีกเราเลยชอบของ RT มากกว่าเพราะมันอยู่หลังขาตั้งซึ่งเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยกว่า และที่ด้านขวานี้ยังเป็นที่ติดตั้งตัวชาร์จไฟแม่เหล็ก magnetic power receptacle รวมทั้ง Mini DisplayPort

ที่ด้านบนขวามือติดตั้งปุ่มเปิด/ปิด ซิงเกิ้ลไมโครโฟนอยู่ตรงกลาง ลดสเต็ปลงมาจากไมโครโฟนสเตริโอขงอ RT เพื่อลดเสียงรบกวนที่เกิดจากพัดลมระบายความร้อน แต่น่าเสียดายเพราะเราคิดว่ามันไม่ได้ผล ที่ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งติดตั้งพอร์ทแม่เหล็กสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริมอย่างเช่น Type Cover, Touch Cover เราอยากจะบอกว่าอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ทำงานได้ดีทั้ง RT และ Pro แม้ว่าบางครั้งเราต้องขยับ Type Cover สักสองสามครั้งให้ระบบหากันเจอ

ถึงแม้ว่าจะมีการเลือกสรรพอร์ทต่างๆได้เหมาะสมสำหรับ tablet แต่ว่าคนซื้ออีกมากคงจะมองว่า Surface Pro ก็เหมือนๆกับ laptop น้ำหนักเบาทั่วๆไป และเมื่อเราลงลึกไปในรายละเอียดอีกนิดก็พบว่าปัญหาใหญ่ของ Pro ก็คือพอร์ท USB ที่มีเพียงพอร์ทเดียวเท่านั้นและในมุมมองของเราการที่ไม่มี SD card reader ขนาดฟูลไซด์ก็เป็นข้อด้อยเมื่อคิดถึงเวลาที่ต้องดูดภาพถ่าย

ความสามารถเชื่อมต่อไร้สายมีมาให้อย่างครอบคลุมทั้ง WiFi 802.11a/b/g/n และ Bluetooth 4.0 แต่ยังไม่มีรุ่นเซลลูล่าในตอนนี้แถมไมโครซอร์ฟก็ยังไม่เคยพูดถึงให้ได้ยิน

Display



จอภาพของ Surface RT นั้นยอดเยี่ยมทีเดียวแต่ช่วยไม่ได้จริงๆที่เราผิดหวังกับความละเอียด 1,366 x 768 ก่อนที่จะเปิดตัวเครื่อง Microsoft ได้พยายามแสดงให้เห็นว่าค่าการแสดงผลไม่ใช่จะสำคัญสำหรับทุกอย่าง แต่ว่าความละเอียดยิ่งสูงนั่นหมายความถึงพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้น และถ้าคุณจะนำเสนอเครื่องรุ่นท้อปสักรุ่นคุณจะต้องทำให้มันมีพิกเซลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่สำหรับ Surface Pro ความละเอียดถูกเพิ่มขึ้นเป็น 1,920 x 1,080 ทำให้เกิดความซับซ้อนนิดหน่อย เรามีจอภาพ 10.6" ที่ดูเยี่ยมมาก ความคมชัดสูงในทุกมุมมองซึ่งตรงนี้ช่วยได้มากเพราะขาตั้งปรับไม่ได้ ความสว่างก็สูง ลดแสงจ้าเมื่อเทียบกับจอภาพแบบมันวาวทั่วๆไป

จะมีก็ตรงความละเอียดที่เพิ่มขึ้นมานี้เท่านั้นที่ทำให้เราสะดุดเป็นบางครั้งเมื่อใช้งาน desktop แอพพลิเคชั่น โดยทั่วไป tablet จะเซ็ทให้ขยายขนาดตัวหนังสือขึ้น 150% ทำให้เมนูและปุ่มต่างๆใหญ่ขึ้นเกือบทั้งหมดซึ่งนั่นมำให้ง่ายต่อการสั่งงานด้วยนิ้วมือแต่ก็ทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่หน้าจอเมื่อคุณสั่งงานด้วยเม้าส์ และที่แย่ไปกว่านั้นมันทำให้ทั้งตัวหนังสือและไอค่อนพากันเบลอไปหมด



เมื่อเราปรับเปลี่ยนสเกลไปที่ 100% อย่างที่คุณอยากได้จาก Windows ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ คุณจะรู้สึกถึงความหรูหราเมื่อปรับเปลี่ยนออพชั่นนี้เทียบกับ Retina Macbook Pro เลยทีเดียว เพราะ OS X นั้นสามารถปรับเปลี่ยนสเกลได้เอง เมื่อใช้งานแอพพลิเคชั่นที่สเกล 100% การมองเห็นคมชัดขึ้นกว่าเดิม และใครที่ต้องการพื้นที่หน้าจอมากๆจะต้องชอบแน่ๆ แต่ว่าโหมดนี้ทำให้การใช้ scrollbars หรือชุดควบคุมอื่นๆบนหน้าจอด้วยนิ้วมือขาดความแม่นยำไป เลยต้องลำบากหน่อยหากไม่มีเมาส์

เอาล่ะเมื่อสเกลหนึ่งดีสำหรับสั่งงานด้วยนิ้วมือแล้วคีย์บอร์ดกับเม้าส์ล่ะ ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนไปมาระหว่างการใช้งานได้อย่างรวดเร็วนั่นอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่กว่าคุณจะไปถึงออพชั่นปรับเปลี่ยนนี้ได้ต้องแท็ปถึง 5 ครั้งและพลิกไปที่ control panel และแถมเปลี่ยนแล้ว Windows ยังบังคับให้ log out อีกนั่นหมายความว่าต้องปิดแอพพลิเคชั่นทุกตัวที่ใช้อยู่ จรึงเป็นเรื่องยากที่จะปรับเปลี่ยน เราจรึงเลือกสเกล 125% ดีกว่าถึงจะไม่ค่อยชอบก็เถอะ

นี่เป็นเพียงสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงหากว่่าคุณต้องใช้งาน Windows desktop เป็นประจำ แต่ปัญหาบางอย่างในการใช้งานร่วมกับ Windows application ทั้งหลายแหล่ซึ่งเป็นจุดขายของเครื่องรุ่นนี้ ระบบปฏิบัติการจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการใช้งานจากนิ้วมือกับสเกลปกติของแอพพลิเคชั่นอย่างรวดเร็ว

การใช้งาน


เราใช้เวลาไปกับ Surface Pro มากพอสมควรในการสุ่มเหตุการณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันว่ามันเหมาะสมเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับ tablet และ laptop ซึ่งเป็นคู่แข่ง เพื่อทดสอบประโยชน์ของมันเราเลยเลือกที่จะเน้นไปที่ Type Cover มากกว่า Touch Cover นั่นทำให้รู้สึกว่ามันเหมือน laptop มากกว่า และแน่นอนการทดสอบการพิมพ์ผ่านฉลุย เร่งความเร็วในการพิมพ์ได้้ง่ายกว่าใช้ Touch แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการจัดวางตำแหน่งที่เบียดเสียดกัน ระยะกดตื้น แถม traclpad เล็กๆนั่นก็ไม่ตอบสนอง ทำให้เราคิดถึงโน้ทบุ้คมากกว่า มันดีกว่าคีย์บอร์ดของ tablet ที่มีในตลาดมากกว่า 99% แต่ยังด้อยกว่าแม้จะเทียบกับคีย์บอร์ดขนาดเดียวกันอย่างของ ASUS TAICHI

ทุกแอพพลิเคชั่นที่เราทดสอบทำงานได้ดีอย่างกับร่ายมนต์ นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ตอนที่เราทดสอบ RT เนื่องจากมันไม่รองรับ x86 Windows apps นั่นหมายความว่าเราไม่มี IRC client และไม่สามารถเข่้าถึงชุดตัวหนังสือ รูปภาพ และเครื่องมือปรับแต่งวิดีโอซึ่งใช้งานอยู่ประจำทุกวัน แต่สำหรับ Surface Pro นั้นสามารถใช้งานได้ไม่มีปัญหา หลังจาก 30 นาทีที่ใช้ในการดาวน์โหลดและดับเบิ้ลคลิกไปที่ไฟล์เซ็ทอัพจำนวนมากเราก็มีทุกอย่างพร้อมใช้งาน

จะอย่างไรก็ตามเรายังคงรู้สึกไม่ค่อยสะดวกกับการจัดวางตำแหน่งแบบนี้ คีย์บอร์ดทำให้เราทำงานช้าลง trackpad ก็คอยสร้างความน่ารำคาญอยู่ตลอด เนื่องจากแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่ของ Windows ไม่เหมาะสมต่อการสั่งงานด้วยนิ้วมืออย่างที่กล่าวไปแล้ว เราก็เลยใช้แต่เมาส์เป็นส่วนใหญ่ ในส่วนนี้ Wedge Touch Mouse ซึ่งมีขนาดเล็กจรึงสะดวกที่จะพกพาไปไหนมาไหนด้วย หากขาดไปจะทำให้การเลือกปุ่มต่างๆบน toolbar และการควบคุมขาดความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งภาพนี่เป็นไปไม่ได้เลย

ต้องขอบคุณ Microsoft ที่มองเห็นปัญหาจรึงได้เตรียมวิธีแก้ไขเอาไว้ด้วย stylus จาก Wacom ความดัน-ความเร็วในการตอบสนองอยู่ที่ระดับ 1,024 เหมือนกับของ Samsung Galaxy Note II แต่ลำพังตัวเครื่อง Pro นั้นไม่มีที่จะให้เสียบปากกานี้ได้แล้ว ก็เลยใช้คลิปแม่เหล็กเอาไปติดไว้กับที่ชาร์จไฟแทน ติดได้มั่นคงแน่นหนาพอสมควรแต่หากคุณโยน tablet ใส่กระเป๋าก็คงต้องมีการควานหาทีหลังกันบ้าง ปากกานี้ใช้งานได้ทุกที่บน OS แต่เหมาะสมกับกราฟฟิกและแอพพลิเคชั่นสำหรับงานครีเอทีฟต่างๆมากที่สุดรวมทั้ง OneNote เราอาจจะไม่ได้ใช้มันบ่อยนักแต่แน่นอนว่ามันช่วยให้การสเก็ตเป็นเรื่องง่ายมาก


นอกจากเวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ไปในการทดสอบคีย์บอร์ด เรายังใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงท่องเว็ป IE ทำงานได้ดีสำหรับงานนี้รวมทั้งตอบสนองต่อการสั่งงานด้วยนิ้วมือได้ดีด้วย แน่นอนว่าตรงจุดนี้คุณสามารถใช้ gestures ทั้งหมดของ Windows 8 ได้เต็มที่ ลองเดี๋ยวเดียวก็รู้แล้ว นอกจากนี้ยังมี on-screen keyboard ใช้งานได้หลายรูปแบบบวกกับฟังชั่นช่วยสะกดคำช่วยให้พิมพ์ได้เร็วขึ้น

แต่เราก็ยังมีปัญหาอยู่อีกนั่นแหละ เราไม่ค่อยสะดวกนักเมื่อใช้ tablet ถ้าวางไว้บนโต็ะก็ไม่เป็นไรแต่พอจะถือขึ้นมาใช้นี่ยังหาทางจับให้ตั้งตรงไม่ได้เลย ปัญหาก็คือน้ำหนัก 2 ปอนด์ที่จัดว่าหนักแล้วแถมขอบของเครื่องยังกดลงไปที่อุ้งมืออีก นี่ไม่ใช่ tablet ที่คุณอยากจะถือไว้นานๆเลย ถึงแม้ว่าจะมีขาตั้งมาให้แต่เวลาที่เอาไปใช้บนที่นอน หรือที่อื่นๆที่ไม่ใช่โต๊ะเรียบๆล่ะ

นอกจากนั้นเวลาที่ใช้งานเป็น tablet คุณต้องอยากที่จะให้มันแตกต่างจาก desktop ให้มากที่สุด เราพูดถึงปัญหาเรื่องสเกลตัวหนังสือไปแล้วแต่ยังมีปัญหาการพิมพ์อีกด้วย ถึงแม้จะมี on-screen keyboard สำหรับใช้งาน desktop แต่นั่นคนละเวอร์ชั่นที่ใช้กับแอพพลิเคชั่นของ Windows 8 ไม่มีตัวช่วยสะกด/แก้ไข การปรับเปลี่ยนไปมาก็สับสนมากทำให้การพิมพ์เป็นเรื่องยากไปเลย

สุดท้ายเป็นการบู้ทเครื่องที่ใช้เวลานานกว่า Android หรือ iOS ต้องใช้เวลา 3-4 วินาทีหลังจากกดปุ่ม power จรึงจะปรากฏหน้าจอ สมมติว่าต่อจากนั้นคุณต้องใส่รหัสผ่านและการพิมพ์รหัสผ่านยากๆบน virtual keyboard นี่มันไม่สนุกเอาเสียเลย คุณสามารถเลือกใช้ PIN ง่ายๆหรือแม้แต่ใช้ภาพถ่ายซึ่งเป็นนวัตกรรมของ Microsoft มาทำการล๊อกอินก็ได้แต่คุณไม่มีทางสั่งให้ OS ถามหาการล๊อกอินเฉพาะช่วงเวลาที่หยุดใช้งานไปช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งได้ ถ้าคุณเป็นคนชอบเปิดเครื่องเร็วๆเพื่อจะเช็คอีเมล์หรือข้อความบนเฟสบุ้คคงรู้สึกว่าถูกบังคับให้เลิกทำแบบนั้นแน่ๆถ้าเป็นเครื่องนี้

ตอนนี้มีเพียง laptop และ tablet ไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่จะเปรียบเทียบกับ Surface Pro ได้ในเรื่องของการใช้งานที่แตกต่างอย่างที่มันทำได้ แต่ถ้าเปรียบเทียบเป็นกลุ่ม laptop และ tablet แล้วละก็ Surface Pro งานหนัก

ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่


ประสิทธิภาพโดยรวมของ Intel Core i5 Surface Pro สูงกว่าที่เราคาดไว้ cold boot เสร็จสมบูรณ์ในเวลา 8 วินาที ประทับใจมาก เปิดแอพพลิเคชั่นได้เร็วและตอบสนองได้เร็ว ประสิทธิภาพที่มีเพียงพอที่จะทำงานยากๆให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างแน่นอน เป็นความประทับใจกับมาครฐานที่เราตั้งไว้ Surface Pro ได้คะแนนเฉลี่ย 4,673 คะแนนสำหรับการทดสอบด้วย PCMark 7 และ 3,811 คะแนนสำหรับการทดสอบด้วย 3DMark06 เปรียบเทียบได้กับตัวสเป็คเดียวกันอย่าง Acer Iconia W700

ในขณะทดสอบด้วยเครื่องมือเหล่านี้ด้านหลังของเครื่องร้อนมากหากสำผัสด้วยมือ และพัดลมตัวเล็กๆก็มีเสียงดังถี่ๆ เราแทบไม่ได้ยินเลยตอนที่ใช้งานไม่หนัก แต่การเล่นวิดีโอแบบเต็มจอก็เพียงพอแล้วที่จะชดเชยตรงนี้ได้

ถึงประสิทธิภาพจะใช้ได้แต่แบตเตอรี่ไม่เป็นอย่างนั้น ในการทดสอบมาตรฐานความสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ของ Windows เราตั้งค่าความสว่างของจอภาพให้คงที่และเล่นวิดีโอวนไปเรื่อยๆจนแบตเตอรี่หมด Surface Pro ทำเวลาได้แค่ 3 ชั่วโมง 46 นาทีสำหรับแบตเตอรี่ขนาด 42.5Wh ใหญ่กว่า Surface RT ซึ่งมีขนาด 31.5Mh ถึง 1 ใน 3 แต่ทำเวลาได้เพียงแค่ 1 ใน 3 ของ Surface RT ซึ่งทำได้ที่ 9 ชั่วโมง 36 นาที ต่ำกว่า W700 ซึ่งทำไว้ที่ 7 ชั่วโมง นี่ยังไม่ได้ทดสอบระบบสำผ้สของ Windows 8 เลยด้วย

กล้อง



Surface Pro ใช้กล้องเหมือนกับ RT เป็นกล้องคู่ 720p และก็แย่พอๆกัน ภาพถ่ายที่ได้มี noise เต็มไปหมด เซ็นเซอร์ก็ประมาณว่าไม่สามารถจัดการกับความคมชัดได้ ภาพถ่ายที่ออกมาไม่สว่างจ้าจ้าก็มืดไปเลย วิดีโอก็คุณภาพจำกัดและแถมเรายังได้ยินเสียงรบกวนในแบ๊คกราวน์ตลอกเวลา นั่นมาจากเสียงพัดลมระบายความร้อนของ CPU หรือเปล่าคุณตัดสินเองก็แล้วกัน
(เชิญชมตัวอย่างภาพถ่ายและวิดีโอในลิ้งข่าวครับ)

ออพชั่นและคู่แข่ง


CPU กับ RAM มีแค่ขนาด 1.7GHz Core i5-3317U และ 4GB single RAM ไม่มีออพชั่นให้เลือก หน่วยความจำเป็นแบบ flash storage รุ่น 64GB ราคา $899 แต่จริงๆเหลือใช้งานแค่ 23GB ก็เพราะต้องแบ่งไปให้ OS และ recovery partition ถ้าคุณกำลังจะซื้อเราแนะนำให้เลือกรุ่น 128GB ซึ่งยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้มากกว่า 83GB (คุณสามารถลบ recovery partition ขนาด 8GB ออกได้หากต้องการพื้นที่เพิ่ม)

คู่แข่งที่ตรงประเภทที่สุดก็น่าจะเป็น Acer Iconia W700 ราคา $1,000 (128GB) ทั้ง CPU, RAM และหน่วยความจำเท่ากันหมด ประสิทธิภาพของ Pro เหนือกว่า W700 นิดหน่อยในเกือบทุกๆการทดสอบ แต่ก็ยังมีอะไรที่แตกต่างกันมากอย่างขาตั้งในตัวของ Surface ดีกว่าของ W700 ที่เทอะทะอยู่เยอะ แต่คีย์บอร์ดในตัวของ Acer ก็ใช้งานง่ายกว่า Type Cover ของ Pro นอกจากนั้นแบตเตอรี่ของ W700 ก็ยังใช้งานได้นานกว่า 7 ชั่วโมง

เราสนใจอีกรุ่นหนึ่งก็คือ Samsung ATIV Smart PC Pro ราคา $1,200 (128GB) บวก stylus S Pen และอีกรุ่นก็คือ Lenovo ThikPad Helix Ultrabook จอภาพพับได้ขนาด 11.6" (ราคาเริ่มต้น $1,500+) แต่เรายังไม่มีโอกาศรีวิวทั้งคู่ก็เลยยังตัดสินอะไรไม่ได้

และก็แน่นอนคู่แข่งโดยตรงที่สุดอีกรุ่นก็คือ Surface RT ราคา $300 แบตเตอรี่ทนกว่า Pro ถึง 3 เท่า พื้นที่หน่วยความจำมีเหลือให้ใช้งานมากกว่า บางกว่า เบากว่าแต่ใช้ OS RT ของ Windows 8 รองรับแอพพลิเคชั่นของ Windows แต่ใช้ไม่ได้ คุณจะถูกจำกัดการใช่้งานให้อยู่แต่ในเว็ปและแอพพลิเคชั่นสำหรับ RT ที่มีอยู่ก็น้อยมาก แต่ถ้าคุณแค่อยากใช้งานเบาๆหรือส่วนใหญ่ใช้งานผ่าน browser ก็ไม่ต้องห่วงอะไร

สรุป


เรายังอยากเห็นเครื่องที่เหมาะกับทั้งงานหนักและเบาในตัวเดียวกัน แต่เสียดายที่ยังหาไม่เจอไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องหรือระบบปฏิบัติการที่ไม่เพียงต้องจัดการกับการใช้งานทั้งสองแบบได้เท่านั้นแต่ต้องทำให้ออกมาดีด้วย Surface Pro ใกล้เคียงกับความคิดของเรามากที่สุดเท่าที่เคยมีแต่ก็ยังมีจุดด้อย เวลาเราต้องการให้งานเราเสร็จเราก็อยากจะได้ laptop ที่เหมาะสม เวลาที่เราอยากจะพักผ่อนเราก็อยากได้ desktop interface ที่ง่ายต่อการใช้งานด้วยนิ้วมือ แม้ว่าแอพพลิเคชั่นพื้นๆของ Windows 8 อาจจะก้ปัญหาเหล่านี้ไปได้โดยไม่ให้เราไปยุ่งกับมัน

การที่ Pro สามารถรองรับแอพพลิเคชั่นจำนวนมหาศาลของ Windows จรึงเป็นจุดแข็งอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ RT แต่ความหนา น้ำหนักเครื่องและอายุแบตเตอรี่ก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน เราเชื่อมั่นว่า Microsoft จะพัฒนา WIndows 8 ให้เป็น OS ที่สามบูรณ์แบบได้สำหรับ tablet และเราก็นรอทดสอบเครื่องลูกผสมพวกนี้ที่จะตามออกมาอีกนับไม่ถ้วนในปีนี้ เสียดายที่ Surface Pro ไม่สามารถทำให้เราควักกระเป๋าได้ ยังไม่พอ

ที่มา : Engadget
แปล, เรียบเรียง : thaiitnewsupdate.blogspot.com


Comments