สมาร์ทโฟนของคุณตกยุคเร็วเกินไปหรือเปล่า?

NEW YORK (CNNMoney) -- ถ้าคุณเพิ่งจะซื้อสมาร์ทโฟนของคุณมาเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้คุณอาจจะเริ่มรู้สึกว่าโทรศัพท์สุดเจ๋งของคุณมันเริ่มตกยุคไปซะแล้ว

เหตุผลก็คือ Android's law หรือ กฎของ Android

สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดจะทำให้เครื่องที่มาก่อนต้องตกยุคไปตลอดถ้าพูดกันถึงเรื่องประสิทธิภาพ และมันก็ออกมาสู่ตลาดอย่างรวดเร็วเลยทีเดียว

อธิบายสั้นๆก็คือถ้าคุณซื้อ Motorola (MMI) Droid มาเมื่อเดือนพฤษจิกายน 2009 ตอนที่มันเริ่มวางขาย คุณเป็นเจ้าของ Android ที่ดีที่สุดในตอนนั้น แต่หลังจากนั้นมาในเดือนมกราคม 2010 Nexus One ที่เร็วกว่าถึงสองเท่าก็มาถึง ถัดมาในเดือนเมษายน HTC Droid ที่น่าทึ่งก็ออกสู่ตลาด ต่อมาในเดือนมิถุนายน Evo 4G Droid ก็ทำให้ HTC Droid เป็นต้องอาย แล้วก็มี Samsung Galaxy S ตามออกมาในเดือนเดียวกัน แล้วก็ Nexus S...ตอนนี้คุณพอเข้าใจหรือยังว่านี่มันเรื่องอะไีร

ตอนนี้อายุของสมาร์ทโฟนในตลาดเหลือแค่เพียงประมาณ 6-9 เดือน แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป ก่อนหน้าปี 2007 HTC ประเมินว่ามันจะอยู่ได้ถึง 3 ปีในแต่ละรุ่น

"มันเคยเป็นอย่างนั้นมาเสมอเมื่อเราวางแผนเรื่องวงจรเวลาในท้องตลาดให้กับโทรศัพท์ ตอนนี้ลูกค้าต้องการโทรศัพท์ที่ดีและเร็วกว่า จากการแข่งขันที่สูงขึ้น มีผลกดดันต่ออายุของมันทำให้ล้าสมัยเร็วขึ้น" Keith Novak โฆษกของ HTC กล่าว

ก่อนหน้าที่จะมี iPhone ของ Apple (APPL, Fortune 500) โทรศัพท์ที่ขายดีที่สุดในตลาดคือ Motorola RAZR ที่ครองตลาดมานานถึง 5 ปี ตั้ง 5 ปี! คุณพอจะนึกภาพออกมั๊ยว่าถ้าใครมี iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดในวันนี้ แล้ว iPhone รุ่นก่อนที่ออกมายังไม่ถึง 4 ปีตอนนี้แทบจะกลายเป็นขยะไปแล้ว แม้แต่ 3G ก็ยังไม่มีเลย

นวัตกรรมของสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างไร้เหตุผล และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นมากจนแทบจะเชือดคอกันนั้นต้องยกเครดิตให้ระบบปฎิบัติการ Google Android และชิพเซ็ทที่ยอดเยี่ยมจาก Qualcomm

อดีต : เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะเป็น LG, HTC, Samsung, Motorola และรายอื่นๆ จำเป็นจะต้องออกแบบโทรศัพท์ของพวกเขาเองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดแวร์, ระบบปฏิบัติการ, ชิพเซ็ท และรูปแบบ

จึงต้องใช้เวลานานกว่าที่โทรศัพท์แต่ละรุ่นจะออกสู่ท้องตลาดและจำเป็นจะต้องวางขายอยู่ในตลาดให้นานถึง 3 ปีเพื่อให้ได้เม็ดเงินที่ลงทุนไปในการออกแบบกลับคืนมา

ปัจจุบัน : การมาถึงของ Android, ระบบปฏิบัติการที่เปิดกว้างและฟรี โรงงานผู้ผลิตสามารถอัพโหลดซอร์ฟแวร์สำเร็จรูปเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับวิศวกรเพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ และก็ยังสามารถปรับแต่งได้มากเท่าที่ต้องการ

"ข้อดีของ Android ก็คือมันเปิดกว้าง สิ่งที่โรงงานผลิตต้องทำก็แค่เพียงเอาตัวเครื่องมาประกอปเข้าไปแล้วก็นำออกจำหน่ายได้เลย" Marcelo Claure, CEO ของ Brighstar ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือทั่วโลก กล่าว

ไม่เพียงเฉพาะซอร์ฟแวร์ที่เตรียมไว้พร้อมในแพคเกจเท่านั้น แต่ยังมีชิพเซ็ทสำเร็จรูปสำหรับสมาร์ทโฟนอีก

จากโอกาศที่ Android สร้างขึ้นมาทำให้ Qualcomm (QCOM, Fortune 500) กระโดดเข้ามาในธุรกิจและเริ่มสร้างชิพเซ็ทสำหรับระบบปฏิบัติการของ Google (GOOG, Fortune 500) และแอพพลิเคชั่นโดยเฉพาะ ตอนนี้ผู้ผลิตอย่าง LG, Motorola และ HTC สามารถใช้ชิพเซ็ทของ Qualcomm ได้แล้วแทนที่จะต้องออกแบบชิพเซ็ทเอง

"สิ่งที่เราให้กับโรงงานนั้นทำให้พวกเขาหันไปใช้ทรัพยากรณ์ที่มีในทางอื่นแทนที่จะต้องมาสร้างชิพเซ็ทใหม่ให้กับโทรศัพท์ทุกรุ่น" Jason Bremner ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ CDMA Technology ของ Qualcomm กล่าว

Qualcomm/Android (Quardroid) แบบมาตรฐานที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อสองปีที่แล้วช่วยให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถมุ่งความสนใจไปกับการตลาด ทำโทรศัพท์ของพวกเขาให้บางกว่า เงากว่าและมีฟังชั่นดีกว่าคู่แข่ง

ผลที่ได้ก็คือวงรอบการผลิืตสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นป็นเท่าตัวเมื่อสองปีที่แล้วในเวลาแค่เพียง 4 เดือน จากรายงานของ PRTM

นั่นหมายความว่าผู้ผลิตสามารถสร้างสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

Android's law : เราเรียกแนวโน้มใหม่นี้ว่า Android's law หรือ กฎของ Android เช่นเดียวกับ Moore's law เอกสารในปี 1965 โดย Gordon Moore ผู้ร่วมก่อตั้ง intel (INTC, Fortune 500) ที่สังเกตุแน้วโน้มที่เกิดขึ้นจริงเป็นเวลานานกว่า 5 ทศวรรษว่าผู้ผลิตไมโครชิพสามารถเพิ่มจำนวนชิ้นส่วนได้ถึงสองเท่าด้วย silicon ในทุกๆ 2 ปี

ถึงแม้ว่าเราไม่ได้คาดการณ์อะไร แต่การมาถึงของ Quardroid มาตรฐาน ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบของตลาดอุปกรณ์ไร้สายไปแล้ว และดูเหมือนว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า

Android's low ช่วยให้บริษัทไร้ชื่อเสียงอย่าง ZTE เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นเท่าตัวก้าวขึ้นเป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถืออันดับ 4 ของโลก ช่วยให้ระบบปฏิบัติการของ Google ถูกเปิดใช้งานจาก 0 เป็น 300,000 หน่วยต่อวัน

"เรากำลังเห็นรุ่นใหม่ๆนับร้อยรุ่น มันบ้าจริงๆ" Will Stofega นักวิจัยของ IDC กล่าว "ตั้งแต่ Android ให้ใช้งานฟรี โรงงานผู้ผลิตเหล่านี้ต่างอยากจะสร้างโอกาศให้กับตัวเอง ความจำเป็นที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมกับบางสิ่งบางอย่างที่เริ่มติดขัดและความต้องการเป็นผู้นำ"

นักวิจัยเห็นด้วยว่าวงจรของตลาดที่สั้นลงนี้จะหยุดลงวันใดวันหนึ่งเพราะว่าผู้บริโภคไม่สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รวดเร็วมากนัก

แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือ มันจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

"มันจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าโทรศัพท์มือถือจะบางเหมือนกับจอ touch screen" Soumen Ganguly ผู้บริหารสูงสุดของ Altman Vilandrie กล่าว "มันจะเป็นเช่นเดียวกับการพัฒนาของวงการ PC ที่ต้องแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอด"

ที่มา : CNN
แปล, เรียบเรียง : thaiitnewsupdate.blogspot.com

Comments

Post a Comment