Facebook ID ขุมทรัพย์ของนักการตลาด
NEW YORK (CNNMoney.com) -- เพียงแค่มี e-mail address ของคุณ นักขุดเจาะข้อมูลสามารถใช้มันจับคู่กับ Facebook ID ของคุณและนั่นคือกุญแจสู่ขุมทรัพท์แห่งข้อมูลส่วนบุคคล
อย่างน้อยที่สุด ID ของคุณก็ให้การเข้าถึงชื่อและรูปโปรไฟล์ ไม่ว่าการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณจะเป็นแบบไหน สำหรับคนที่ทำตามคำแนะนำในการตั้งค่าตาม Facebook จะถูกเปิดเผยข้อมูลออกมามากยิ่งขึ้น ทั้งที่อยู่ บ้านเกิด รายชื่อเพื่อนๆ รูปถ่ายและอื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหรือความสนใจ
นั่นคือเหมืองทองของบริษัทที่พยายามเล็งเป้าหมายสินค้าของพวกเขามาที่คุณ
"เมื่อคุณทราบ ID คุณจะสามารถค้นหาคนๆนั้นได้" Axel Schultze, CEO ของ Xeesm บริษัทพัฒนาซอฟแวร์การตลาดสื่อสังคม กล่าว "มันทำให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ หลังจากนั้นคุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลจากทุกแหล่งที่มา"
Robin Dindayal ประธานการจัดการสินค้าของ Awareness Inc., บริษัทผลิตซอฟแวร์การตลาดสื่อสังคม ได้ทำการทดลองต่อเชื่อม Facebook ID ของผมเข้ากับ Facebook's Graph API ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ Facebook มีไว้ให้สำหรับโปรแกรมเมอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับระบบของ Facebook
API แสดงผลคร่าวๆของข้อมูลเกี่ยวกับตัวผม รวมถึงเพศและที่อยู่ที่ได้ทำการตั้งค่าไว้ คนหรือเครื่องก็สามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นออกมาได้เพียงแค่ใช้ e-mail address เท่านั้นเอง (คุณสามารถทำตามคำแนะนำของเราเพื่อทดลองกับ Facebook ID ของคุณเองได้)
"เมื่อรวมเอาข้อมูลเหล่านี้เข้ากับ e-mail address ผมสามารถเพิ่มคุณเข้าไปใน mailing list" Dindayal กล่าว "นอกจากนั้นผู้ใช้งาน Facebook บางคนยังไม่ได้ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในระดับสูงมากนัก ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานเหล่านั้นมากขึ้นไปอีก"
Facebook มีระบบป้องกันทางเทคนิคเพื่อป้องกันนักขุดข้อมูลด้วย e-mail address จำนวนมหาศาลจากการดูดข้อมูลของผู้ใช้งานที่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ผู้บุกรุกก็ยังคงเล็ดลอดจากการป้องกันได้อยู่
สองเดือนก่อน บริษัท Rapleaf ถูกตอบโต้อย่างรุนแรงเมื่อมีรายงานว่าพวกเขาเก็บรวบรวม Facebook ID แล้วนำไปรวมเข้ากันกับโปรไฟล์ส่วนบุคคลเพื่อการค้า วิธีการที่ Rapleaf รวบรวมข้อมูลนั้นผิดกฏของ Facebook เมื่อถูกจับได้ Rapleaf ก็เปลี่ยนวิธีการ ขณะนี้ Rapleaf ได้ลบข้อมูลของ Facebook ออกจากชุดข้อมูลของพวกเขาแล้ว
Match Factory เครื่องมือที่สร้างโดย 3dna บริษัทพัฒนาโปรแกรมมีฐานอยู่ที่ลอสแองเจลีส ที่สร้างเครื่องมือสำหรับกิจกรรมทางการเมือง ได้เปิดให้ใช้งานเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยสัญญากับนักการตลาดว่า "มันจะระมัดระวังในการจับคู่ e-mail address จาก mailing list ของนักการตลาดกับ Facebook ID ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
กฏการใช้งานของ Facebook ไม่อณุญาติให้ใครก็ตามเข้าใช้งานเวปหรือเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานด้วยการใช้ระบบออโตเมติก อย่างเช่น harvesting bots, robots, spiders หรือ scrapers
นั่นตรงกันกับที่ Match Factory ทำแน่นอน มันส่งคำสั่งด้วยระบบออโตเมติกมากกว่า 37,000 คำสั่งไปยัง Facebook ตลอดเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อดูด ID ของผู้ใช้งาน และไม่ได้ยินเสียงผิดปกติใดๆจาก Facebook เลย
"ผมไม่ได้คุยกับ Facebook" Jim Gilliam ผู้สร้าง Match Factory กล่าวกับ CNNMoney เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "พวกเขาไม่เคยตำหนิอะไรผมเลยแม้แต่นิดเดียว"
Gilliam กล่าวว่า เขาไม่เคยทราบว่าระบบรวมรวมข้อมูลอัตโนมัติของ Match Factory ผิดกฏการใช้งานของ Facebook
เมื่อ CNNMoney สอบถามจาก Facebook เกี่ยวกับ Match Factory และในวันศุกร์ Facebook ก็ตัดไม่ให้ Match Factory เข้าสู่เวปไซท์
"มีผลกระทบเกิดขึ้นน้อยมากๆและไม่มีข้อมูลส่วนตัวถูกเปิดเผยออกไป" David Swain โฆษกของ Facebook กล่าวถึงกรณีที่ Match Factory ดูดข้อมูลไป "เราได้ทำการหยุดการบริการในทันทีที่ทราบเรื่อง"
แต่ Match Factory ไม่ใช่ผู้เดียวที่เชื่อมต่อ e-mail address เข้ากับ ID ของผู้ใช้งาน Facebook โดยไม่ได้รับอณุญาติจากเจ้าของ หากแต่ยังมีบริษัทรวบรวมข้อมูลรายอื่นรวมทั้ง Pipl และ Wink.com ที่ได้สะสม ID ของผู้ใช้งาน Facebook ไว้จำนวนมาก
บ้างก็อยู่ภายใต้การจับตาของ Facebook อย่างเช่น Pipl ที่ไปตามช่องทางที่ Facebook ยอมให้ Pipl ไม่ได้ขายข้อมูลที่รวบรวมได้โดยตรง รูปแบบธุรกิจของพวกเขาคือเผยแพร่โฆษณาในหน้าแสดงข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมไว้
ขณะนี้ Facebook ID ของคุณมีค่ามากต่อนักการตลาดแบบขายตรงและการหาเสียงของนักการเมือง แต่บริษัทประกันภัยกับผู้จ้างงานก็เริ่มสนใจแล้วด้วย ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวกล่าวว่า ตลาดสำหรับข้อมูลของคุณจะขยายตัวต่อไป
Facebook กำลังตกอยู่ในฐานะลำบาก เหตุผลทั้งหมดเนื่องมาจากการสนับสนุนให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อและเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ยิ่งคุณแบ่งปันข้อมูลมากเท่าไหร่นั่นหมายถึงความแข็งแกร่งในรูปแบบธุรกิจของ Facebook ที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่เวปไซท์ก็พยายามที่จะทำให้เกิดความสมดุลย์ตามคำสัญญาที่จะเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
"Facebook มีความมุ่งมั่นที่จะให้ประสบการณ์ที่มั่นคงและปลอดภัยกับผู้ใช้งาน และพวกเราทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาเทคนิคและแก้ปัญหาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมข้อมูลของพวกเขาได้" โฆษกของ Facebook กล่าว
Facebook เคยมีเรื่องเข้าตัวเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว
หลังจากมีเรื่อง Rapleaf รวมทั้งผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นบางรายของ Facebook ได้นำ ID ของผู้ใช้งาน Facebook ไปขายให้กับผู้รวบรวมข้อมูล Facebook ประกาศว่ามีการแก้ปัญหาแล้ว แอพพลิเคชั่นที่แชร์ข้อมูลให้กับบุคคลที่สามจะถูกแบนทั้งหมด
สำหรับแอพพลิเคชั่นที่มีกำไรมักจะใช้สกุลเงินเสมือนของบริษัทอื่นเช่น Tapjoy (ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ Offerpal) เพื่อให้แอพพลิเคชั่นของพวกเขาทำเงินได้จริง ดังนั้น Facebook จรึงต้องกลับไปคิดใหม่เพื่อหาผลสรุปให้กับนโยบายทางเทคนิคใหม่ ที่สามารถรักษาข้อมูลให้พ้นจากมือผู้ขายข้อมูลแต่อณุญาติให้ผู้พัฒนาโปรแกรมยังคงทำงานร่วมกับผู้โฆษณาและบริษัทที่จ่ายเงิน กฏใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม
นั่นไม่ได้แก้ปัญญาที่ใหญ่กว่า Facebook นั่งทับอยู่บนข้อมูลมีค่าจำนวนมากมายมหาศาลที่ผู้ใช้งานเปิดเผยต่อสาธารฌะ และต้องรักษามันไว้ให้ห่างจากการค้า กระตุ้นให้เหล่านักเก็บข้อมูลต้องแข่งขันกัน
การลบข้อมูลออกหลังจากถูกจับได้อย่าง Rapleaf ไม่อาจหลีกเลี่ยงจากบัญชีดำได้
ดูเหมือนลูกค้าของ Rapleaf บางรายรวมทั้ง Rapportive, e-mail add-on ที่โด่งดังยังคงใช้ข้อมูล Facebook ที่ Rapleaf ได้เซฟไว้ก่อนหน้านี้อยู่ เมื่อ Dindayal ได้รับชื่อใช้งาน Facebook ของเขาหลังจากที่ Awareness Inc., ได้ส่ง queries ผ่านระบบของ Rapportive
"เมื่อข้อมูลหลุดออกไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าใครมีก๊อปปี้ไว้บ้าง" Dindayal กล่าว
ที่มา : CNN
แปล, เรียบเรียง : thaiitnewsupdate.blogspot.com
Comments
Post a Comment