Wi-Fi อนาคตของอินเตอร์เน็ทไร้สายหรือแค่แฟชั่่น?



San Francisco, California (CNN) -- มีสองทฤษฎีที่แพร่หลายว่าเราจะเข้าอินเตอร์เน็ทอย่างไรในอนาคตที่แขวนอยู่บนความสำเร็จของกล่องพลาสติกเล็กๆที่เรียกว่า MiFis


อุปกรณ์ชนิดนี้หลายๆชิ้นมีขนาดเล็กว่าสมาร์ทโฟน ทำงานเหมือนกับ router ที่ใช้งานในบ้านเรือนทั่วไป เว้นแต่มันไม่ต้องต่อพ่วงกับอุปกรณ์ใดๆทั้งสิ้น


มันทำงานโดยการเชื่อมต่อกับเครือข่ายข้อมูลของผู้ให้บริการ หลังจากชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้ว มันก็พร้อมที่จะให้เราเคลื่อนย้ายไปทุกๆที่เพื่อให้สัญญาณ Wi-Fi กับคอมพิวเตอร์หรือ iPod ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง


ในอนาคตแต่ละครอบครัวอาจจะมีอุปกรณ์ชิ้นนี้ไว้ใช้งานก็อาจเป็นได้


ซึ่งมันสามารถที่จะลดค่าใช้จ่ายของทั้งโทรศัพท์มือถือและ tablet ที่เรามีอยู่ บางครอบครัวพบว่ามันให้ผลชัดเจนเมื่อพวกเขาต้อการๆติดต่อตลอดเวลาเมื่อเดินทางหรือเมื่อเข้าพักในโรงแรมที่ไม่มีฟรี Wi-Fi


AT&T ได้เปิดตัวอุปกรณ์ MiFi ชิ้นแรกของพวกเขาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วน Sprint Nextel นั้นได้เริ่มจำหน่าย ZTE Peel ที่มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อแบบ 4G-enabled Overdrive เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ Verizon Wireless ได้ให้บริการ MiFi 2200 ฮอทสปอตอัจฉริยะสำหรับอุปกรณ์พกพาแบบเคลื่อนที่เพื่อการเดินทางต่างประเทศ


โดยทั่วไปสินค้าเหล่านี้มีราคาประมาณ $50 ถึง $150 (บางชนิดต้องทำสัญญา 2 ปี) และค่าบริการ $35 ถึง $60 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการและปริมาณข้อมูลที่ต้องการ เช่น Virgin Mobile ที่ให้บริการแบบไม่จำกัดด้วยราคา $40 ต่อเดือน


Neville Ray, หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของ T-Mobile USA ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่แต่เพียงแห่งเดียวที่ไม่มีอุปกรณ์ MiFi ในปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่ามีแผนที่จะให้บริการในปีถัดไปเมื่อทำการอัพเกรดและขยายเครือข่ายเสร็จสิ้นแล้ว เนื่องจากปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเจเนอเรชั่นที่ 3 ยังไม่เร็วพอที่จะรองรับการเติบโตของอุปกรณ์ชนิดนี้


เครือข่ายโทรคมนาคมมีการปรับปรุงความเร็วอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีเจเนอเรชั่นที่ 4 ดังนั้น Mifi จึงสามารถจะเข้ามาแทนที่อินเตอเน็ทความเร็วสูงที่ต้องเชื่อมต่อด้วยสายในปัจจุบัน เช่นเดียวกันกับที่ชาวอเมริกันต่างพากันยกเลิกบริการโทรศัพท์บ้านแล้วหันมาใช้โทรศัพท์มือถือแทน (ขึ้นอยู่กับการที่รัฐบาลสหรัฐแก้ปัญหาภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการให้บริการคลื่นความถี่ไร้สาย)


การที่ระบบโทรคมนาคมจะได้รับความนิยมนั้นขึ้นอยู่กับวิธีการเชื่อมต่อที่ใช้และการประชาสัมพันธ์ พวกเขาควรจะเน้นไปที่การใช้อุปกรณ์ MiFi เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทุกอย่างหรือจะใส่ชิพ 3G เข้าไปในอุปกรณ์ต่างๆก็ยังเป็นคำถาม หรือถ้าจะให้แบบสุดๆไปเลยก็ใส่ฟังชั่น MiFi เข้าไปไว้ในสมาร์ทโฟนซะเลย (แล้วยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกหรือเปล่า?)


หลังจากที่ Apple iPAD เปิดตัวได้ไม่นานในเดือนเมษายนปีนี้ Sprint Nextel ก็เริ่มประชาสัมพันธ์ Overdrive ที่ออกแบบ case มาให้พอดีกับ iPad และ MiFi ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หลังจากจำหน่ายหมดสต๊อคแล้วก็ไม่มีโครงการอีก


"มันได้ทำสำเร็จเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ใช้งานเชื่อว่าสามารถใช้อุปกรณ์สองชิ้นนี้ด้วยกันได้" Teresa Kellett, ประธาน 4G ของ Sprint Nextel กล่าว


Verizon Wireless ตัดสินใจที่จะรวมเอา Wi-Fi ของ iPad เข้ากับ MiFi แทนที่จะขาย iPad พร้อมชิพ 3G built in เหมือนที่ AT&T ทำ


Jon Von Tetzchner ผู้ร่วมก่อตั้ง Opera browser สนับสนุุนหลักการของ MiFi เนื่องจากไม่เพียงแค่ราคาถูกกว่า แต่มันจะได้ผลดีกว่าเมื่อใช้หุ่นยนเพียงตัวเดียวสื่อสารกับเสาส่งสัญญาณและดาวเทียม หลังจากนั้นจึงส่งสัญญาณ Wi-Fi ให้กับบ้านเรือนที่จะใช้การเชื่อมต่อ


"ในอีก 10 ปีข้างหน้าอุปกรณ์ทุกชิ้นจะเชื่อมต่อกับอินเตอเน็ท" Tetzchner กล่าว


อีกมุมหนึ่งของข้อโต้แย้งก็คือหลายๆคนเชื่อว่า MiFi เป็นแค่เพียงแฟชั่นเพียงชั่วคราว เมือถึงเวลาที่อุปกรณ์ทุกชนิดมีชิพของโทรศัพท์มือถือแล้ว จะแบกเอา MiFi ติดไปด้วยอีกทำไม


ผู้ให้บริการหลายแห่งต่างพากันสนับนุนหลักการ "machine-to-machine" หมายความว่าใส่ชิพโทรศัพท์มือถือเข้าไปในอุปกรณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น เตาอบและทุกๆอย่างที่คุณไม่คิดว่าจะต้องเชื่อมต่อมันเข้ากับเวป บางคนบอกว่านี่คืออนาคตของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท


Dan Deeney ผู้ร่วมก่อตั้ง New Venture Partner บริษัทลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีที่ทำงานใกล้ชิดกับ Verizon Wireless เขามองไม่เห็นอนาคตของ Mifi


"ผมคิดว่า MiFi จะมีบทบาทต่อไป แต่ไม่ใช่ในแบบที่จะเป็นอุปกรณ์หลัก ปัจจุบันนี้มันเป็นเรื่องของราคาซึ่งตอนนี้ Wi-Fi ชิพราคาถูก เมื่อถึงเวลาที่ราคาของชิพโทรศัพท์มือถือถูกลง จะมีอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองอุปกรณ์เหล่านั้นจะทำการเชื่อมต่อด้วยตัวเองโดยไม่ต้องสนใจอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ MiFi" Deeney กล่าว


ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีต่างเห็นด้วยที่จะมีฟังชั่นอินเตอร์เน็ทบนอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มมากขึ้นกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน


ที่มา : CNN

แปล, เรียบเรียง : thaiitnewsupdate.blogspot.com

Comments