โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เน้นประหยัดพลังงาน

(CNN) -- โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆที่ออกมานั้นมีฟีเจอร์และความสามารถมากกว่าเมื่อก่อน แต่ปัญหาที่ตามมาก็คืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่สั้นลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาร์ทโฟน เป็นเรื่องจริงที่หลายๆคนประสบปัญหาแบตเตอรี่หมดภายในเวลาไม่ถึงวัน

จึงเป็นที่น่าติดตามว่าผู้ผลิตจะปรับปรุงการออกแบบเพื่อยืดอายุของแบตเตอรี่ออกไปอย่างไร มีตัวอย่างที่น่าติดตามอย่างเช่นโทรศัพท์รุ่นใหม่ 2 รุ่นจาก Samsung

สมาร์ทโฟนเกือบทุกเครื่องนั้นมีจอสว่าง, สีสดใส, full touch screen ที่ใช้งานได้ดีแต่ต้องใช้พลังงานมาก ดูเหมือนจะเป็นความฟุ่มเฟือยเกินไปเมื่อมองในแง่ของประโยชน์ที่ได้รับและพลังงานที่ใช้ไปถ้าต้องเปิดจอของสมาร์ทโฟนให้เต็มทั้งจอเพียงเพื่อดูเวลาหรือตรวจสอบสถานะข้อความใหม่

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Samsung Continum สมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดของซีรี่ Galaxy S จึงถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็ก ปรับแต่งได้ และเพิ่มจอเล็ก "ticker display" ขึ้นมา

จากรายงานการรีวิวของ YallStore ระบุว่าจอขนาดเล็กที่เพิ่มขึ้นมานี้เป็นจอ Super AMOLED ขนาด 1.8 นิ้ว ความละเอียด 480x96 เท่ากับจอแสดงผลหลัก เป็นจอแสดงผลรองที่ทำหน้าที่ทั้ง shortcut, media control, RSS feeds และเตือน ถ้าต้องการให้จอ ticker สว่างมากขึ้น ก็ทำได้ง่ายเพียงแค่แตะที่ Grip sensor ตรงด้านล่างของเครื่อง

Samsung Continum เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่มีจอแสดงผลรองเพื่อประโยชน์ในการใช้งานที่มากขึ้นและขยายขอบเขตการใช้งานให้หลากหลายที่สุด

Laptop Mag รายงานว่าจอแสดงผลรองนี้สามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดจอแดงผลหลักเลย

อีกเครื่องหนึ่งนั้นเป็นโทรศัพท์มือถือแบบธรรมดา Samsung Zeal สามารถแสดงข้อความใหม่และสื่อทางสังคมผ่านทางจอแสดงผลรองที่ใช้เทคโนโลีประหยัดพลังงาน low-power e-ink ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับจอของเครื่อง e-reader Kindle

โดยพื้นฐานแล้ว คีย์แพดของโทรศัพท์ที่เรากำลังใช้นั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามฟังชั่นการใช้งาน ส่วน e-ink นั้นเป็นเพียงเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพได้สูงสุด

Samsung Zeal ยังเป็นโทรศัพท์แบบฝาพับที่กางเปิดได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนจึงใช้งานได้หลากหลาย (ดูรีวิวจาก CNET)

การออกแบบของโทรศัพท์ทั้งสองรุ่นนี้อาจจะดูแปลกๆ แต่ก็น่าจะช่วยให้อายุของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็มีการปรับปรุงเทคโนโลยีของแบตเตอรี่ภายในราคาที่สมเหตุผล

ที่มา : CNN

แปล, เรียบเรียง : thaiitnewsupdate.blogspot.com